บทที่ 1 เกิดใหม่
เคท เจนนิงส์ตายแล้ว
ร่างของเธอนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นเย็นเยียบของโกดังร้างริมท่าเรือ เลือดของเธอเปรอะเปื้อนหิมะจนกลายเป็นสีแดงฉาน ดวงวิญญาณของเธอลอยอยู่เบื้องบน สะอึกสะอื้นอย่างขมขื่นโดยที่ไม่มีใครได้ยิน
แขนขาของชายคนนั้นถูกตัดขาด ลมหายใจของเขากำลังจะหมดสิ้น แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขากลับมองเห็นเธอ
เขาพยายามฝืนยิ้ม “เคท นั่นคุณใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ฉันเอง!” เคทพยายามโผเข้ากอดเขาอย่างสุดกำลัง แต่ร่างโปร่งแสงของเธอทะลุผ่านร่างกายของเขาไป เธอทรุดลงกับพื้นราวกับความเจ็บปวดได้ฉีกกระชากวิญญาณของเธอ น้ำตาสีเลือดไหลอาบใบหน้า
“อีธาน ทำไมคะ ทำไมคุณต้องพยายามช่วยฉันด้วย”
เธอร้ายกาจกับเขามาตลอด แต่เขากลับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอ
“เพราะ... ผมรักคุณ” ดูเหมือนอีธาน เลฟวิงตันจะได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ
“ผมขอโทษนะ เคท ในที่สุดผมก็ช่วยคุณไว้ไม่ได้ แต่บางทีแบบนี้อาจจะดีกว่า... ตายไปด้วยกัน... อย่างน้อยเราก็... ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
อีธานยิ้มขณะที่ดวงตาของเขาปิดลงตลอดกาล เคทเงยหน้าขึ้นกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจนสุดวิญญาณ “ไม่!”
เสียงกรีดร้องของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหู ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มนุ่มนวลของผู้ชายดังขึ้นข้างๆ
“เคท ได้เวลาสวมแหวนแล้ว”
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปในทันที เบื้องหน้าเธอคือใบหน้าเสแสร้งของเบลค แฮมิลตันที่กำลังยิ้มพลางยื่นแหวนมาให้ ความตกตะลึงถาโถมเข้าใส่ความคิดของเคท
เธอ... ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ
แล้วอีธานล่ะ ทั้งหมดเป็นแค่ความฝันเหรอ ไม่ มันจะเป็นความฝันไปไม่ได้ ความเจ็บปวดนั้นมันจริงเกินไป มันฝังลึกเข้าไปในความรู้สึก... เป็นไปไม่ได้ที่จะลืม
แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น
“เคท”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบสนอง เบลคจึงเรียกชื่อเธออีกครั้งเบาๆ
เคทสะบัดหน้ากลับสู่ความเป็นจริง เธอแอบหยิกตัวเองเบาๆ ความเจ็บปวดที่ได้รับยืนยันว่านี่คือเรื่องจริง
ชุดเดรสแบรนด์เนมที่คุ้นเคย สถานที่ที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย ทุกอย่างนำความทรงจำในวันที่เธอพยายามจะลืมกลับมา วันนี้ วันที่ 9 มิถุนายน คือวันงานหมั้นของเธอกับเบลค
หรือว่าเธอ... เกิดใหม่
เบลคกำลังถือแหวนเพชรเม็ดโต ใบหน้าหล่อเหลาของเขาประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
รอยยิ้มนั้นซ้อนทับกับสีหน้าที่เขาใช้ในชาติที่แล้วตอนที่เอามีดแทงเข้าที่หัวใจของเธอ ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอาเจียน
เธออยากให้มันตาย
เธอจ้องมองเบลค พยายามอย่างยิ่งที่จะระงับสัญชาตญาณฆาตกรของตัวเอง
เมื่อเบลคไม่ได้รับการตอบสนอง ความเงียบอันน่าอึดอัดก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งงาน
จากนั้น เสียงหวานละมุนก็ทำลายความเงียบลง
“เคท ส่งมือให้เขาเถอะ อย่าทำให้เบลคต้องอับอายเลย”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เคทก็หันขวับไปทันที ทันทีที่เธอเห็นคนพูด ดวงตาของเธอก็ลุกโชนไปด้วยความเกลียดชัง กำหมัดแน่น
เธอแทบจะปิดบังเจตนาฆ่าของตัวเองไม่มิด
โซเฟีย เจนนิงส์ น้องสาวต่างมารดาของเธอ ลูกนอกสมรส
เธอซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ภายใต้ความเปราะบาง แสร้งทำเป็นน้องสาวที่แสนดีของเคท ขณะที่แอบวางแผนทำลายเธออย่างลับๆ ในท้ายที่สุด เธอก็สมคบคิดกับเบลคเพื่อฆ่าเคท และพวกเขาก็ไม่ละเว้นอีธานที่พยายามจะช่วยเธอ
ความทรงจำถึงการตายของอีธานทำให้ดวงตาของเคทร้อนผ่าวด้วยน้ำตาที่ยังไม่ทันได้ไหล
เคทพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมสติอารมณ์และจ้องมองโซเฟียต่อไป โซเฟียตีความสายตาของเธอผิดไปว่าเป็นการขอความมั่นใจ เธอจึงโน้มตัวเข้ามาใกล้ จงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังพอให้คนอื่นได้ยิน
“เคท ไม่เป็นไรหรอก ใครๆ ก็ตื่นเต้นในงานหมั้นของตัวเองทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะกับคนอย่างเบลค การได้แต่งงานกับผู้มีพระคุณคือความฝันของเธอมาตลอดไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นพี่ พี่ก็คงจะตื่นเต้นเหมือนกัน”
ขณะที่พูด เธอก็สะกิดเคทเบาๆ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉา และเคทก็หัวเราะเยาะในใจ
ยังคงเป็นการแสดงที่น่ารังเกียจเหมือนเดิม แสดงบทบาท “ความรักของพี่สาว” ในทุกโอกาส ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชาติที่แล้วเธอถึงมองไม่ออก
ผู้มีพระคุณเหรอ เขาเป็นแค่ปีศาจต่างหาก
ตอนนี้เคทสงสัยอย่างจริงจังว่าเบลคเคยช่วยชีวิตเธอไว้จริงหรือไม่ ครั้งนี้ เธอจะค้นหาความจริงให้ได้
เมื่อได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอจะไม่มีวันยอมให้พวกเขามาบงการชีวิตเธอได้อีก
ดวงตาของเคทในตอนนี้สะท้อนความมุ่งมั่นและความกระจ่างชัด
“วันนี้ฉันจะไม่หมั้น!”
เคทขว้างช่อดอกไม้ในมือลงบนพื้นอย่างแรง แม้ว่าเสียงของเธอจะไม่ดังมาก แต่มันก็ทำให้ทั้งงานตกอยู่ในความเงียบงัน
ทุกคนแข็งทื่อ รวมทั้งเบลค โซเฟีย และพ่อของเคท—ริชาร์ด เจนนิงส์
“เคท นี่แกพูดอะไรออกมา สติแตกไปแล้วหรือไง” ริชาร์ดไม่ได้ไว้หน้าเคทเลยแม้แต่น้อย
เคทมองเขาอย่างเย็นชา
สายตาของเธอไม่ใช่สายตาที่ลูกสาวใช้มองพ่อ
แต่มันเป็นสายตาที่คนเราใช้มองศัตรู
ใช่แล้ว สมาชิกในครอบครัวที่เรียกๆ กันอยู่ในวันนี้ล้วนเป็นศัตรูของเธอทั้งสิ้น
ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงพ่อผู้ใจดำของเธอด้วย
หรือกระทั่งคนเลวๆ อย่างเบลค
พ่อของเธอแต่งงานเพื่อยกระดับตัวเองเข้าสู่ตระกูลมอร์แกน เช่นเดียวกับที่เบลควางแผนจะแต่งงานเพื่อยกระดับตัวเองเข้าสู่ตระกูลเจนนิงส์ พ่อของเธอรีดเค้นเอาผลประโยชน์ทุกหยาดหยดจากแม่ของเธอ และเบลคก็ตั้งใจจะสูบทุกสิ่งทุกอย่างไปจากตัวเคทเช่นเดียวกัน
คนประเภทเดียวกันก็ดึงดูดกันเป็นธรรมดา
“ฉันบ้าเหรอคะ ฉันเยือกเย็นดีออก คุณพ่อมองไม่เห็นเหรอคะ หรือว่าหูหนวกไปแล้ว ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง ฉันจะพูดอีกครั้ง วันนี้ฉันจะไม่หมั้น!”
เคทกระชากผ้าคลุมหน้าของเธอออกแล้วขยี้มันด้วยเท้า
ริชาร์ดเงื้อมือขึ้นจะตบเธอ แต่เบลคห้ามไว้
ต่อหน้าแขกเหรื่อมากมายขนาดนี้ พวกเขาจะเสียกิริยาไม่ได้
เบลคส่งสัญญาณว่าเขาจะจัดการสถานการณ์เอง ริชาร์ดจึงนั่งลงด้วยสีหน้าดำคล้ำ
“เคท นี่ไม่ใช่เวลามางอแงนะ” เบลคพูดพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาจงใจปรับให้อ่อนลงเพื่อประนีประนอม
“ผมรู้ว่าวันนี้ผมมาสาย ทำให้คุณไม่พอใจ หลังจากพิธีหมั้นจบลง ผมสัญญาว่าจะชดเชยให้คุณ โอเคไหม”
“งอแงเหรอ” เคทหัวเราะ เธอเงยหน้าขึ้น สายตาคมกริบดุจมีด “เบลค นายคิดว่าตัวเองมีค่าพอให้ฉันไปอาละวาดใส่หรือไง”
“นายหมั้นกับฉันก็เพื่อสถานะและฐานะทางการเงินของครอบครัวฉัน คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง จะให้ไปอาละวาดใส่คนอย่างนาย ฉันไม่อยากลดตัวลงไปเกลือกกลั้วด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น รอยยิ้มของเบลคก็แข็งค้างบนใบหน้า
เขาดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าเคทที่เคยว่าง่ายมาตลอดจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้ เขาตกตะลึงไปชั่วขณะจนไม่สามารถรักษาท่าทีจอมปลอมของตัวเองไว้ได้อีกต่อไป
แขกเหรื่อที่สัมผัสได้ถึงเรื่องราวดราม่าต่างพากันเงียบกริบ หวังว่าจะได้ยินทุกถ้อยคำ
โซเฟียเห็นดังนั้นจึงรีบก้าวออกมาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
“ทุกท่านคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ เคทไม่เคยโดนคุณพ่อดุเลยตั้งแต่เด็ก ฉันคิดว่าเธอคงจะน้อยใจที่คุณพ่อไม่ได้อ่อนโยนกับเธอเหมือนเคย ก็เลยพูดจาเหลวไหลแบบนี้ออกมา”
หลังจากพูดกับแขกแล้ว เธอก็หันไปหาเคทด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานราวนุ่น
“เคท เธอกำลังไร้สาระนะ เบลคไม่ใช่คนแบบนั้น เขาเป็นคนขยันและมีความทะเยอทะยาน ทั้งยังใส่ใจเธอมาตลอด อย่าทำร้ายความรู้สึกเขาด้วยคำพูดที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบเลย”
คำพูดของเธอช่างไร้ที่ติ ในขณะเดียวกันก็ยกย่องริชาร์ด ช่วยแก้ต่างให้เบลคพ้นจากความอับอาย และวาดภาพให้เคทกลายเป็นเด็กสาวที่ ‘เอาแต่ใจและยังไม่โต’
เคทมองดูการแสดงของเธออย่างเย็นชา แล้วก็ยิ้มออกมาทันที
“โซเฟีย ดูเหมือนเธอจะเข้าใจเขาดีกว่าฉันอีกนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเธอสองคนแอบคบชู้กันอยู่เหรอ นั่นมันคงเป็นการหักหลังที่น่าดูชมเลยนะ”
โซเฟียจ้องมองเคทอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอหน่วยด้วยความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
“เคท นี่เธอพูดอะไรออกมา วันนี้เธอเป็นอะไรไป”
เคทไม่สนใจเธอ สายตาของเธอกวาดผ่านฝูงชนไปหยุดอยู่ที่รถเบนท์ลีย์คันหนึ่งซึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาจอดด้านนอก
นั่นคือรถของอีธาน
ในชาติที่แล้ว วันหมั้นของเธอ เขาก็รออยู่ด้านนอกสถานที่จัดงาน แต่วันนั้น เธอได้พูดจาแย่ๆ กับเขาไปมากมายซึ่งเธอก็เสียใจกับมันอย่างสุดซึ้ง
เธอแทบจะวิ่งไปที่ทางเข้า ทันทีที่อีธานก้าวลงจากรถ หัวใจของเธอก็ราวกับถูกฟ้าผ่า
การได้พบเขาอีกครั้งเป็นพรอย่างแท้จริง
ด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เธอโผเข้ากอดเขาแน่น
ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น เคทนอกใจเบลคเหรอ” ใครคนหนึ่งกระซิบ
“นั่นคุณเลฟวิงตันไม่ใช่เหรอ เขากับเคทขึ้นชื่อว่าไม่กินเส้นกันไม่ใช่หรือ”
“เคท คุณทำอะไร—”
ร่างของอีธานแข็งทื่อ เคทซบหน้าลงกับอกของเขาแล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำและหนักแน่น เสียงของเธอดังก้องไปถึงทุกคน
“อีธาน เรามาหมั้นกันเถอะ”
เมื่อสิ้นคำพูดของเธอ ทั้งงานก็ตกอยู่ในความเงียบงันโดยสมบูรณ์
ใบหน้าของเบลคดำคล้ำเหมือนก้นหม้อ ในขณะที่อีธานยังคงแข็งทื่อ ดวงตาลุ่มลึกของเขาพลันปั่นป่วนไปด้วยอารมณ์ที่ถาโถม ก่อนจะขุ่นมัวลง
ไหนเธอบอกเขาเองไม่ใช่หรือว่าเกลียดเขา และชาตินี้จะไม่มีวันแต่งงานกับเขาเด็ดขาด
































































